
บางคนอาจจะคิดว่า เรื่องการฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าเป็นเรื่องที่ไกลตัว หากตอนนี้คุณอายุไม่มากอาจจะมองข้ามไปได้ แต่ในทางกลับกันหากตัวเราเองเป็นผู้สูงอายุหรือที่บ้านมีผู้สูงอายุที่ต้องดูแลก็ควรใส่ใจเรื่องการฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าเป็นพิเศษ ในบทความนี้จะพาไปดูข้อมูลของการฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่า รวมไปถึงข้อสงสัย เรื่องการฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าจะช่วยรักษาข้อเข่าเสื่อมได้จริงไหม?
การฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่า รักษาข้อเข่าเสื่อม
การฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่า คือ การฉีดกรดไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic acid) ที่มีลักษณะเป็นของเหลวคล้ายเจลและเป็นส่วนประกอบหลักในน้ำเลี้ยงข้อปกติเข้าไปในข้อเข่าเพื่อสร้างความหนืดให้กับข้อเข่าสามารถรับแรงกระแทกได้เหมือนคนปกติ อีกทั้งยังช่วยรักษาข้อเข่าเสื่อมได้
อาการของโรคข้อเข่าเสื่อม

ส่วนมากคนที่ฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าจะมีอาการของโรคเข่าเสื่อม ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าอาการของโรคข้อเข่าเสื่อมเป็นยังไง หากลองสังเกตอาการของตนเองหรือผู้สูงอายุแล้วจะพบว่า
- ปวดเข่าในขณะที่เคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นการย่อขา การวิ่ง การเดิน
- มีอาการเสียวหัวเข่าหากเคลื่อนไหว
- หากไม่ได้เคลื่อนไหวอาการปวดเข่าจะน้อยลงหรือหายไป
- เมื่อหยุดการเคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หากขยับข้อจะรับรู้ถึงความเสียดสีของกระดูกหรือเกิดเสียงกระดูกลั่นในข้อ
ไม่ว่าจะเป็นน้ำเลี้ยงข้อเข่า หรือ น้ำไขข้อเทียม ล้วนมีส่วนประกอบหลักที่เป็น Hyaluronic Acid รู้หรือไม่ว่าจริง ๆ แล้ว Hyaluronic Acid มีประโยชน์ต่อร่างกายมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการต่อต้านริ้วรอย การให้ความชุ่มชื่นแก่ผิว การรักษารอยแดงบนใบหน้า ในทางการแพทย์ได้นำ Hyaluronic Acid มาใช้กับการรักษาบาดแผล รวมไปถึงการฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น
น้ำเลี้ยงข้อเข่า หรือน้ำไขข้อเทียม คือ สารสังเคราะห์ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฉีดน้ำเลี้ยงเข้าข้อเข่าโดยเฉพาะ มีส่วนประกอบของ Hyaluronic Acid ทำหน้าที่สร้างความยืดหยุ่นให้กับข้อเข่าเหมือนน้ำเลี้ยงข้อเข่าจริง
คุณสมบัติของน้ำไขข้อเทียม
- เป็นสารสังเคราะห์มีคุณสมบัติเหมือนน้ำเลี้ยงข้อเข่าจริง ๆ ของร่างกาย ทำให้มีโอกาสแพ้น้อยมาก
- มีลักษณะคล้ายเจล สามารถจับกับน้ำได้ดี ทำให้ข้อเข่ามีความหนืดรับแรงกระแทกหรือเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น
- ทำหน้าที่ฟื้นฟูและเสริมสร้างกระดูกอ่อน กระดูกข้อต่อของร่างกาย
- บรรเทาอาการเจ็บปวดของข้อเข่า
การฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่า จะช่วยรักษาอาการของโรคข้อเข่าเสื่อมได้หลายวิธี เช่น
- ลดอาการอักเสบ อาการปวด และอาการบวมของข้อเข่า
- ลดการเสียดสีภายในข้อต่อของกระดูก
- ชะลอความเสื่อมโทรมของกระดูก
เนื่องจากความหนืดของ Hyaluronic Acid จะส่งผลดีต่อทั้งกระดูกอ่อน กระดูก และเนื้อเยื่อรอบ ๆ หัวเข่า
ส่วนมากคนที่ประสบปัญหาข้อเข่าเสื่อมและต้องการฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าจะมีลักษณะ ดังนี้
- บุคคลที่มีอายุมากขึ้น ประมาณ 40 ปีขึ้นไป
- คนที่มีน้ำหนักตัวมาก
- คนที่ทำกิจกรรมหรือใช้งานเข่าบ่อย ๆ
- คนที่เป็นโรคหรือมีอาการบาดเจ็บเรื้อรังเกี่ยวกับกระดูก ข้อต่อ
- ผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมระดับเริ่มต้น จะมีอาการปวดเข่าเรื้อรังที่เป็น ๆ หาย ๆ ประมาณ 6 เดือนขึ้นไป และรู้สึกปวดเข่าในขณะที่ใช้ชีวิตประจำวัน เช่น เดิน วิ่ง การย่อขาในระยะเวลาสั้น ๆ แต่อาการปวดข้อเข่าจะหายไปเมื่อไม่ได้ขยับร่างกายโดยใช้ข้อเข่า
- ผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมระดับปานกลาง จะขยับเลเวลจากระยะเริ่มต้นมาอีกนิด ผู้ป่วยจะรู้สึกปวดข้อเข่าแม้ว่าไม่ได้เคลื่อนไหวตามปกติ เช่น ตอนนั่งหรือตอนนอน ซึ่งอาการปวดข้อเข่าจะไม่หายไป
- ผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมระดับรุนแรง จะมีข้อเข่าที่ผิดรูปอย่างเห็นได้ชัด หากสังเกตดูจะพบว่ามีกระดูกยื่นออกมาแบบผิดปกติ ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บมากเมื่อถูกกดหรือมีแรงกระแทกที่ข้อเข่า อีกทั้งบริเวณข้อเข่าจะมีอาการบวมไปและอักเสบ

บางคนอาจจะทำการศึกษาแล้วว่า ฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่า ที่ไหนดี ทั้งนี้การฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าของโรงพยาบาลมีขั้นตอน ดังนี้
- แพทย์จะให้คนไข้นอนลงบนเตียง ด้วยท่าที่สบายและเป็นแนวราบ เพื่อให้สะดวกต่อการฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่ามากที่สุด
- พยาบาลจะทำความสะอาดบริเวณหัวเข่าที่จะฉีด บางกรณีอาจจะมีการฉีดยาชาหรือประคบเย็นเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดจากการฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่า
- แพทย์จะใช้ระยะเวลาในการฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าไม่เกิน 5-10 นาที
- จากนั้นแพทย์จะใช้เวลาสังเกตอาการประมาณ 10 - 15 นาที
การดูแลตัวเองหลังการฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่า

บางคนที่ฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าแล้วคิดว่าสามารถใช้งานเข่าได้เหมือนคนปกติทั่วไป คำตอบคือ “ใช่” แต่ตัวผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมเองก็ต้องระวังและดูแลตนเองหลังฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่า ดังนี้
- ไม่ออกกำลังกายที่ใช้ข้อเข่ามากจนเกินไป อาจเปลี่ยนเป็นออกกำลังกายแบบอื่นแทน
- ระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยของตนเอง เช่น การไม่เดินในที่เปียกหรือมีน้ำ เพราะอาจจะทำให้ล้มและเข่ากระแทกอย่างรุนแรงได้
- รับประทานอาหารหรืออาการเสริมที่ช่วยบำรุงกระดูก และมีแคลเซียมสูง
- ควบคุมน้ำหนักตัว ไม่ให้มากเกินเกณฑ์
- ทำกายภาพบำบัด บริหารกล้ามเนื้อขาและเข่า
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น หากปกติต้องขึ้นลงบันไดบ่อย ๆ อาจจะต้องเปลี่ยนมาใช้ชีวิตอยู่ชั้นล่างหรือบ้านชั้นเดียว ปรับเปลี่ยนการนั่งขัดสมาธิ นั่งพับเพียบ เป็นนั่งบนเก้าอี้แทน
การรักษาทางการแพทย์บางอย่างอาจจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถบรรเทาอาการให้ดีขึ้นหรือยืดระยะเวลาการใช้งาน ความเจ็บป่วยออกไปได้ การฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าก็เช่นกัน มีข้อจำกัดและอาการข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ดังนี้
- การฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าเหมาะสำหรับผู้ที่มีข้อเข่าเสื่อระดับเริ่มต้นถึงปานกลาง หากอยู่ในระดับรุนแรงมากจะไม่เห็นผลหรือการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีเท่าไหร่
- ผู้ที่ฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าอาจจะมีอาการแพ้ ซึ่งอาจจะมีน้อยมาก ทั้งนี้ควรรีบไปพบแพทย์เมื่ออาการไม่ปกติ
- หลังจากที่ฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าอาจมีอาการปวดข้อเข่า บวมหรือแดง ถือว่าเป็นเรื่องปกติแต่สักพักจะหายไป แต่ถ้าหากไม่หายหรือปวดเป็นระยะเวลานานเกินไปต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อวิเคราะห์อาการต่อไป
เมื่อถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจเลือกฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าที่ไหนดี สิ่งที่ควรคำนึงอันดับต้น ๆ เลย คือ การเลือกโรงพยาบาลที่จะฉีด เพราะโรงพยาบาลที่ดีจะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคกระดูกเสื่อม การฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าโดยเฉพาะ รวมไปถึงการดูแลเอาใจใส่จากแพทย์และพยาบาลจะอยู่ในระดับที่ดีไปด้วย อีกทั้งยังรวมไปถึงสภาพแวดล้อม ความสะอาดของสถานที่และอุปกรณ์ที่จะส่งผลให้การฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าไม่ติดเชื้อ
คำถามที่พบบ่อย
หลังฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่า ต้องพักฟื้นไหม
หลังจากที่ฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าแล้วสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่ต้องนอนพักหรือพักฟื้น เพียงแต่ปรับการใช้ชีวิตประจำวันไม่ให้ใช้เข่ามากจนเกินไป
ฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่า รักษาข้อเข่าเสื่อมได้ถาวรไหม
การฉีดน้ำเลี้ยงไม่สามารถรักษาข้อเข่าเสื่อมได้ถาวร เพราะการฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าเป็นเพียงการบรรเทาความเจ็บปวดจากข้อเข่าอักเสบและยึดระยะเวลาการใช้งานเข่า ดังนั้นผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมต้องไปฉีดสม่ำเสมอและไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้งเพื่อรับคำปรึกษาและวิธีการรักษาต่อไป
ข้อสรุป
การฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าเป็นเพียงหนึ่งกระบวนการช่วยรักษาข้อเข่าเสื่อมเท่านั้น ดังนั้นหากจะดูแลข้อเข่าให้ดีและไม่เสี่ยงต่อการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อม ต้องเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต การรับประทานอาหาร รวมไปถึงหากเมื่อได้รับความเจ็บปวดข้อเข่า ไม่ควรมองข้ามเพราะอาจจะนำไปสู่การเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมขั้นรุนแรงและไม่สามารถรักษาให้หายขาด ต้องไปโรงพยาบาล พบแพทย์ เพื่อทำการรักษาให้ทันท่วงที